26.8.52

วิธีการเล่นรูบิค

ทุกวันนี้การเล่นรูบิคในประเทศไทยเราค่อนข้างแพร่หลายครับ สำหรับนักคณิตศาสตร์จะมองรูบิคว่าเป็นตรรกศาสตร์อย่างหนึ่งครับ วันนี้ผมก็เลยหาวิธีการเล่นรูบิคมาลงในเว็บเผื่อใครจะสนใจครับ แต่ถ้าใครอยากลองหัดเล่นด้วยตนเองประมาณว่าชอบความท้าทายก็ข้ามบทความนี้ไปได้เลยครับ
ส่วนแรกวิธีการแก้ไขให้สำเร็จมี 5 ขั้นตอนครับซึ่งอ้างอิงมาจากเว็บ>>http://k.1asphost.com/vkvs09/rubik/index.htmlซึ่งผมลองแล้วครับว่าทำได้จริงๆการอธิบายค่อนข้างเข้าใจได้ง่าย ขอขอบคุณแหล่งอ้างอิงนี้มากๆครับขั้นที่ 1 ทำสีด้านใดหน้าหนึ่งให้ได้ทั้งหมด สีที่ติดกับด้านที่ทำเสร็จเป็นรูปตัว T (แบบหางขาดนิดๆ) ดังรูป
วิธีการทำนั้นผมอยากจะให้น้องๆเป็นคนคิดเอง
ครับ มิฉะนั้นน้องจะแทบไม่ได้คิดอะไรเลย ซึ่งผมก็เชื่อว่าน้องๆคงจะมีอัลกอริทึมในการเล่นของตัวเองอยู่แล้ว อย่างผมซึ่งเล่นไม่ค่อยเป็นยังมีอัลกอริทึมในการคิดตั้ง 3-4 อันเลยครับ แต่ถ้าใครอยากทำให้ได้จริงๆ ก็กดเข้าลิ้งที่ให้มาด้านต้นเลยครับ

ขั้นที่ 2 ทำชั้นที่ 2 ให้เสร็จ จะได้ดังรูป


ขั้นที่ 3 ทำให้มุมที่อยู่ด้านตรงข้ามด้านที่เสร็จแล้วอยู่ในมุมที่ถูกต้อง

หลายคนอาจจะงงครับว่าขั้นตอนนี้คืออะไรก็ขออธิบายง่ายๆ จากรูปที่มีเลยครับ ด้านล่าง(ก้นรูบิค) คือด้านที่ทำเสร็จแล้วครับดังนั้นเราจะต้องทำมุม 4 มุมซึ่งเป็นมุมที่ตรงข้ามกับด้านที่ทำเสร็จแล้ว(ในรูปจะมีมุมสีส้มอ่อน 2 มุมและด้านหลังอีก 2 มุมที่ไม่ได้ลงสี) ให้อยู่ในรูปแบบที่ถูกต้องครับจะขออธิบายรูปแบบที่ถูกต้องดังนี้ครับ จากรูปจะเห็นว่ามีสีทีี่่ประจำ 3 ด้านอยู่่สามสี นั่นคือสีส้มสีขาวและสีเขียวดังนั้นทั้ง 4 มุมที่ว่านั้นขอให้มีสามสีนี้เป็นองค์ประกอบก็พอครับแต่จะอยู่ที่ตำแหน่งใดก็ได้ ดังรูปครับ



ขั้นที่ 4 ทำมุมให้มีสีให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องและทำให้เข้ารูปแบบเพื่อให้ง่ายในขั้นตอนสุดท้ายการทำให้มุมมีสี 4 มุมที่ขั้นที่แล้วมีสีที่ถูกต้องจะได้ดังรูปครับ

1. 2. 3.

4.






จากนั้นมาดูตรงกลางของหน้าสุดท้ายกัน ถ้ามีสีตรงกันในทุกๆหน้า(4 มุมในขั้นตอนที่แล้ว)ก็จบในขั้นตอนนี้แต่ถ้าไม่เป็นดังนั้น หาด้านที่มีสีที่ตรงกับด้านที่หันหน้าให้ตัวเรา (แบบไหนก็ได้ - สีไหนก็ได้ขอให้ตรงด้านก็พอ)



ส่วนที่สองนี้ ผมยังมีเว็บไซต์อีกที่หนึ่งครับ >> http://wrongway.org/cube/solve.html ค่อนข้างน่าสนใจครับเป็นเว็บไซต์ที่จะรับข้อมูลเป็นสีทุกๆตำแหน่งบนรูบิคแล้วจะค้นหาวิธีการแก้รูบิคตามข้อมูลทีี่ได้นั้นโดยใช้เวลาที่น้อยที่สุดครับ มีทั้งแบบ 2×2×2 , 3×3×3 และ 4×4×4 เลยครับ

19.8.52

การทำแมโครใน ไมโครซอร์ฟเวิร์ต


บนเมนู เครื่องมือ ในโปรแกรม Word ให้ชี้เมาส์ไปที่ แมโคร และคลิก บันทึกแมโครใหม่ เพื่อแสดงกล่องโต้ตอบ บันทึกแมโคร


ในช่อง ชื่อของแมโคร ให้พิมพ์คำว่า InsertLegalText
ในช่อง เก็บแมโครไว้ที่ ให้คลิก เอกสารทั้งหมด (Normal.dot)
คลิก ตกลง แถบเครื่องมือ การบันทึก จะปรากฏ


พิมพ์ข้อความต่อไปนี้: Copyright XYZ Corporation. You may not modify, copy, or distribute any information contained in this document without our prior permission.
บนแถบเครื่องมือ การบันทึก ให้คลิก หยุดการบันทึก
เปิดเอกสาร Word ใหม่อีกเอกสารหนึ่ง และบนเมนู เครื่องมือ ให้ชี้เมาส์ไปที่คำว่า แมโคร และคลิก แมโคร เพื่อแสดงกล่องโต้ตอบ แมโคร


ในรายการ แมโครใน ให้คลิก Normal.dot (แม่แบบส่วนรวม)
ในรายการ ชื่อแมโคร ให้คลิก InsertLegalTextและคลิก เรียกใช้ ข้อความที่คุณพิมพ์ในขั้นตอนที่ 5 จะปรากฏในเอกสารใหม่

18.6.52

ประวัติส่วนตัว

กะป๋มมีชื่อว่า

นาย สหรัฐ นามสกุล ทองอยู่

ชื่อเล่น มรว.(แม่เรียกว่า)นิคเนม งับ


ศึกษาอยู่ที่
วิทยาลัยเทคนิคราชบุรี





นิสัย
ชอบปืนเป็นอาจิน

"ยิงๆๆๆ" เป็นคำที่ชื่นชอบที่สุดในโลก...



ประวัติความเป็นมาของภาษา C
ภาษา C คิดค้นขึ้นเป็นครั้งแรกโดย เดนนิส ริทชี่[Dennis Ritchie] ที่ห้องแล็บเบล [Bell Labs] ในปี ค.ศ.1972 โดยได้แนวคิดมาจากภาษา BCPL พัฒนาขึ้นโดย มาร์ติน ริชาร์ด[Martin Richards] และภาษา B ที่เขียนขึ้นโดย เคน ทอมพ์สัน[Ken Thompson] เพื่อนำมาพัฒนาต่อจนได้ภาษาใหม่ที่มีประสิทธิภาพการทำงานสูง หลังจากนั้นในปี ค.ศ.1978 ภาษา C จึงได้รับการเผยแพร่อย่างเป็นทางการโดยเคอร์นิกแฮน[Kernighan]และเดนนิสริทชี่เป็นภาษาที่เก่าแก่ถือกำเนิดมายาวนาน โดยแต่เดิมนั้นภาษา C ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้เป็นภาษาสำหรับการสร้างระบบปฏิบัติการยูนิกซ์ เนื่องจากในขณะนั้นระบบปฏิบัติการยูนิกซ์เขียนด้วยภาษาแอสเซมบลี [Assembly] ซึ่งเป็นภาษาที่ยึดติดกับฮาร์ดแวร์ของเครื่อง ดังนั้นการที่จะย้ายระบบปฏิบัติการไปใช้ กับเครื่องอื่นจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยซึ่งนับเป็นข้อเสียใหญ่ของภาษาแอสเซมบลีดังนั้นภาษาCซึ่งเป็นภาษาที่ไม่ยึดติดกับฮาร์ดแวร์จึงถูกพัฒนาขึ้นมาในปัจจุบันภาษาCไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่งานสร้างระบบปฏิบัติการเท่านั้น แต่สามารถนำไปใช้สร้างโปรแกรมเพื่องานในทุกประเภท เช่น งานเกี่ยวกับการคำนวณ ควบคุมการทำงานของอุปกรณ์/ฮาร์ดแวร์ชนิดต่างๆ การจัดการฐานข้อมูล หรือสร้างโปรแกรมสำหรับจัดพิมพ์เอกสาร เป็นต้น
จุดกำเนิดของภาษา C นั้น เกิดมาจาก UNIX ผู้ออกแบบภาษา UNIX ต้องการให้ OS ของตัวเอง สามารถใช้งานได้บนเครื่องต่างๆ กัน แต่การที่จะต้อง Implement UNIX โดยใช้ภาษา Assembly ของแต่ละเครื่อง เป็นสิ่งที่ยุ่งยากเกินไป ผู้ออกแบบ UNIX จึงสร้างภาษากลางภาษาหนึ่ง ซึ่ง UNIX ทั้งตัวเขียนจากภาษาดังกล่าว ดังนั้นเมื่อต้องการ ให้ UNIX ใช้งานได้บนเครื่องใด ก็ให้สร้างคอมไพเลอร์ของภาษากลางบนเครื่องนั้นก่อน คอมไพเลอร์จะแปล โปรแกรมให้เป็นภาษาเครื่อง ทำให้ลดความซับซ้อนลงมาก ภาษากลางดังกล่าวก็คือ ภาษา C นั่นเองครับ
จุดเด่นของภาษาซี
ภาษา C มีจุดเด่น คือ สั้น กะทัดรัด ภาษา C มีรูปแบบย่อทำให้เขียนสั้นลงอยู่มาก ซึ่งข้อดีก็คือ สั้นดีครับ แต่ข้อเสีย ก็คือ ซับซ้อน อ่านยาก เวลาอ่านก็เหมือนกับการแก้สมการ คุณอาจจะบอกว่า คุณเลือกที่จะเขียนแบบไม่ซับซ้อนก็ได้ แต่พูดยากครับ คุณไม่เขียน แต่คนอื่นเขาเขียนครับ ถ้าคุณไม่เรียนรู้เสียเลย คุณก็อ่าน Code คนอื่นไม่รู้เรื่อง และการใช้ วงเล็บปีกกา ซึ่งดูคล้ายกับวงเล็บธรรมดา เวลาเขียนโปรแกรมก็สับสนพอสมควร จุดอ่อนอีกจุดหนึ่งที่สำคัญของภาษา C ก็คือ ภาษา C มองทุกอย่างเป็น Case Sensitive ทำให้เขียนโปรแกรมแล้วหลงเรื่อง Case เป็นประจำ

ขอโชว์หน่อยนะ

ของของใครก็ห่วงนะ

เสียด๊ายเสียดาย

ไม่อยากแค่เพื่อนนะ

ว้าวๆ

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

สาธุๆๆๆๆๆๆๆๆ

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

รักๆ

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

อย่าลืมนะ....

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...